องค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำวัวแดง อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ :www.thamwuadaeng.go.th

 
 

 

 


ประชาสัมพันธ์ เรื่อง การสำรวจที่ดินที่ถูกทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดิน ประจำปี ๒๕๖๘


กระทรวงมหาดไทยได้วางระเบียบกำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสำรวจและดำเนินการในกรณีที่ดินซึ่งถูกทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ หรือปล่อยให้รกร้างว่างเปล่าให้ตกเป็นของรัฐตามมาตรา ๖ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ ซึ่งได้กำหนดให้จังหวัดรายงานผลการสำรวจให้กระทรวงมหาดไทยทราบภายในเดือนมกราคมของทุกปี ว่าที่ดินแปลงใดบ้างที่ถูกทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าและกรมที่ดินได้มีหนังสือ ที่ มท ๐๕๑๕.๒/ส ๒๓๔๙๓ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ แจ้งให้เร่งรัดเจ้าหน้าที่ดำเนินการสำรวจพื้นที่ในความรับผิดชอบว่ามีที่ดินแปลงใดถูกทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า ไม่ว่าทั้งแปลงหรือแต่บางส่วน ตามนัยแห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว ในกรณีที่ไม่ปรากฏว่ามีที่ดินที่ถูกทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ หรือปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า องค์การบริหารส่วนตำบลทะเลบก จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ดำเนินการ ดังนี้ ๑. ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๐ เรื่อง ขอให้เจ้าของที่ดินที่ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์รีบเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน ได้รับทราบรายละเอียดข้อเท็จจริงตามนัยแห่งประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว ๒. สำรวจที่ดินแปลงใดที่มีผู้ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า จะต้องเป็นที่ดินที่ได้ดำเนินการตามนัยระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินที่ถูกทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าให้ตกเป็นของรัฐ พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อ ๔ และข้อ ๗ ครบถ้วนแล้วเท่านั้น ดั้งนั้นจึงขอให้ผู้เป็นเจ้าของที่ดินที่ทอดทิ้งปล่อยให้ที่ดินไม่ทำประโยชน์เข้าทำประโยชน์ในที่ดินเพื่อจะไม่ได้ถูกดำเนินการตามประกาศ ดังกล่าว โดยขอให้เจ้าของที่ดินที่ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์รีบเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน หากเป็นที่ดินที่มีโฉนดทอดทิ้งติดต่อกันเกินกว่า ๑๐ ปี และที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทอดทิ้งติดต่อกันเกินกว่า ๕ ปี ทางราชการอาจขอให้ศาลสั่งเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินและมีผลให้ที่ดินตกเป็นของรัฐ ฉะนั้น จึงขอความร่วมมือมายังเจ้าของที่ดินให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน โดยอย่าปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าอีกต่อไป มาตรา ๖ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน บัญญัติว่า “นับตั้งแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับ บุคคลใดมีสิทธิในที่ดินตาม โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากบุคคลนั้นทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดินหรือปล่อยที่ดินให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า เกินกำหนดเวลาดังต่อไปนี้ (๑) สำหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน เกินสิบปีติดต่อกัน (๒) สำหรับที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์เกินห้าปีติดต่อกัน ให้ถือว่าเจตนาสละสิทธิในที่ดินเฉพาะส่วนที่ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ หรือที่ปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า เมื่ออธิบดีได้ยื่นคำร้องต่อศาลและศาลได้สั่ง เพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าว ให้ที่ดินนั้นตกเป็นของรัฐเพื่อดำเนินการตามประมวลกฎหมายนี้ต่อไป กระทรวงมหาดไทยได้วางระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินที่ถูกทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าให้ตกเป็นของรัฐ พ.ศ. ๒๕๒๒ ลงวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๒๒ การพิจารณาว่าที่ดินแปลงใดมีผู้ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าให้พิจารณาถึงการทำประโยชน์ เพียงแต่ล้อมรั้วหรือเสียภาษีบำรุงท้องที่ แต่ไม่ทำประโยชน์ย่อมถือว่าเป็นการทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า สำหรับที่ดินซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านหรือในเมือง แม้จะยังไม่ได้ปลูกบ้านอยู่อาศัยแต่เจ้าของยังมีเจตนายึดถือเพื่อตนอยู่ให้ถือว่าที่ดินนั้นเป็นที่ดินที่ได้ทำประโยชน์แล้วโดยสภาพ โดยภายในเดือนมกราคมของทุกปีจังหวัด จะสำรวจว่ามีที่ดินแปลงใดบ้างที่มีผู้ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกินกำหนดเวลาสิบปีติดต่อกันสำหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน หรือห้าปีติดต่อกันสำหรับที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และรายงานกระทรวงมหาดไทยทราบ ผลดีของการเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน ๑. เป็นการเพิ่มผลผลิตทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดการสร้างงาน ส่งผลให้เพิ่มพูนรายได้หรือลดค่าใช้จ่ายของครอบครัว และท้องถิ่น ๒. ก่อให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจของท้องถิ่น ๓. ป้องกันปัญหาการบุกรุกเข้าทำประโยชน์ในที่ดินของผู้อื่น ๔. เมื่อประชาชนมีรายได้พอเพียง ก็จะส่งผลดีต่อสภาพเศรษฐกิจสังคม และการเมืองของประเทศโดยรวม ผลเสียของการทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดิน ก่อให้เกิดปัญหาสรุปได้ ดังนี้ ๑. ปัญหาทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมรายได้ส่วนใหญ่ของประเทศมาจากผลผลิตทางเกษตร การทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์เป็นเหตุให้ไม่มีการเพิ่มผลผลิตทางเกษตร หรือผลผลิตลดลงไม่เพียงพอแก่การอุปโภค บริโภค ส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ๒. ปัญหาทางสังคมและการเมือง ด้วยเหตุที่มีการกว้านซื้อที่ดินไว้แล้วไม่ทำประโยชน์ จึงมีผลกระทบถึงประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นเกษตรกร ซึ่งไม่มีที่ดินทำกิน ก่อให้เกิดการบุกรุกเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินที่เจ้าของทอดทิ้ง ก่อให้เกิดปัญหาแย่งชิงที่ดินทำกิน เกิดความไม่สงบสุขภายในสังคม และในกรณีที่มีการเข้าไปบุกรุกแผ้วถางที่ดินของรัฐ ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างภาครัฐกับประชาชน เป็นปัญหาทางการเมือง




2025-03-06
2025-02-28
2025-01-14
2025-01-02
2024-12-24
2024-12-17
2024-12-05
2024-11-27
2024-11-15
2024-10-23